การสนับสนุน วัตถุดิบพื้นบ้าน ที่ขายตามตลาด หรือข้างทาง นับว่าดีมากๆ ช่วยเหลือชาวบ้านได้ดีมากๆ และยังมีประโยชน์ มีโทษน้อยกว่าของปรุงแต่งในปัจจุบัน ซึ่งช่วงทำงานที่บ้านนี้ ก็มีหลายๆ คนทำอาหารทานเองที่บ้าน มีการใช้เครื่องปรุงรสต่างๆ แต่จะดีกว่าไหม ถ้าใช้ของพื้นบ้าน ที่ดีต่อสุขภาพกว่ามากๆ จะมีอะไรบ้างนั้นลองมาดูกัน
น้ำตาลดอกมะพร้าว
ใครที่เลิกหวานไม่ได้ หรือหาเครื่องปรุงเพิ่มความหวาน ลองมาใช้ น้ำตาลดอกมะพร้าว ทำมาจากช่อดอกมะพร้าว หลักการคือ ความหวานเท่าเดิม แต่ร่างกายได้น้ำตาลน้อยลง และนอกจากความหวานยังมีวิตามินบี และซี รวมถึงโพแทสเซียม ธาตุเหล็ก และทองแดง จริงๆ น้ำตาลดอกมะพร้าวอยู่ทั้งในรูปแบบ ปึก หรือเกล็ดก็มี ถ้าเจอตามข้างทาง ที่ผู้เขียนเคยเจอ จะเป็นเหมือนน้ำตาลปี๊ป แต่ชาวบ้านทำเอง ตัดจากช่อดอก แล้วรอน้ำหวานมันเต็มกระบอก จากนั้นเอาไปเคี่ยว พักให้เย็น ใส่กระปุกมาขาย เก็บไว้ในตู้เย็นได้นานมาก
วัตถุดิบพื้นบ้าน ถัดมาคือ ดอกเกลือ
ดอกเกลือเป็นกระบวนการทำเกลือสมุทร ตอนที่ทำนาเกลือ นึกภาพว่านาเกลือมีน้ำเต็มไปหมด ผ่านไปน้ำยังไม่ทันระเหยไปหมด จะเกิดฝาเกลือขึ้นมา เราเรียกว่าดอกเกลือ ซึ่งจะมีความเค็มน้อยกว่า มีความอมหวานด้วย และมีแร่ธาตุสูงมากทั้ง ไอโอดีนสูง แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส คลอไรด์ และที่สำคัญมากๆ ยิ่งขึ้นไปอีกคือ มีโซเดียวต่ำ ราคาสูงมากเช่นกัน ไม่ได้ผ่านกระบวนการโม่ ขัดสี หรืออะไรต่างๆ อารมณ์เหมือนข้าวกล้อง กับข้าวขัดสี ข้าวขาว และหลายๆ คนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รสชาติดีกว่าเกลือปกติ ถ้าไปซื้อตรงกับชาวบ้านได้ จะดีมากๆ เลยอีกด้วย
รสชาติเปรี้ยว หรือเผ็ด หาได้จากวัตถุดิบทั่วไปอยู่แล้ว
สำหรับสองรสชาตินี้ ซึ่งหาได้จากมะนาว หรือมะขามเปียก รสชาติเผ็ดที่บางคนก็เรียกว่าไม่ใช่รสชาติ แต่ยังไงก็ตาม ความเผ็ดก็หาได้จาก พริกขี้หนู หรือพริกแห้ง ก็เผ็ดกันคนละแบบ สองรสชาตินี้เป็นสิ่งที่ยังไม่ได้มีโรงงานอุตสาหกรรมเข้ามามีบทบาทมากนัก อาจจะเห็นในรูปแบบน้ำมะนาวขวด น้ำมะขามเปียกสำเร็จรูป หรือพริกป่นจากโรงงาน แต่อยากให้ซื้อจากชาวบ้าน ชาวสวนที่ขายตามตลาด นอกจากได้ของสดใหม่ ทำเองกับมือเราด้วย
น้ำมัน ควรใช้น้ำมันอะไร
เรื่องนี้เป็นที่ถกเถียง แต่ถ้าจะตอบโจทย์บทความนี้จริงๆ คือ วัตถุดิบพื้นบ้าน ก็อาจจะใช้น้ำมันจากหนังหมู เอามาเจียวจนได้น้ำมัน แล้วนำมาทำอาหารต่อ ไม่แนะนำให้เก็บไว้แล้วกัน ไม่มั่นใจว่าจะเหม็นหืนไหม ส่วนใครทำกะทิ ก็ใช้วิธีเคี่ยวจนกะทิแตกมัน ก็ไม่ต้องใช้น้ำมันแล้ว ส่วนใครอยากผัด แต่ไม่อยากใช้น้ำมัน หรือขี้เกียจเจียวหนังหมู ก็ลองผัดด้วยน้ำก็อร่อยเช่นกัน แต่จริงๆ ใส่หนังหมูไปในกระทะก่อนให้น้ำมันออก แล้วเอากระเทียมลง ก็หอมแล้ว แล้วค่อยใช้น้ำเป็นตัวช่วยให้ชุ่มชื่น ผัดลื่นๆ
สุดยอดวัตถุดิบอีกอย่างที่ห้ามลืม พริกไทย
ในบทความนี้ ก็อยากให้ผู้อ่านไปซื้อพริกไทยจากชาวบ้าน เม็ดๆ แห้งๆ มาตำเอง เพราะที่เป็นกระปุก สะดวกสบายก็จริง แต่ถ้าเราตำเอง เราเห็นทุกเม็ดว่ามีอะไรเสียหายไหม เราเลือกแต่เม็ดที่โอเคที่สุดแหละ ในหนึ่งกำมือ พริกไทยที่ว่าก็มีตั้งแต่ พริกไทยขาว แดง เขียว ดำ และชมพู ก็ลองเลือกดู
5 วิธีหลักๆ ที่ให้คุณได้เตรียม ได้เลือกวัตถุดิบเอง ได้ช่วยชาวบ้าน ได้สัมผัสกับวัตถุดิบพื้นบ้านด้วย อาจจะลดความสะดวกสบายลงไปหน่อย แต่ช่วยให้สุขภาพดีทางอ้อมๆ อีกด้วย ใคร ผู้อ่านท่านใด มีอะไรมาแชร์ ก็สามารถคอมเมนท์ใต้โพสต์นี้ ช่วยมาแชร์กัน ถ้ารวบรวมได้เยอะๆ อีก จะมีบทความลักษณะนี้ภาค 2 ออกมาแน่นอน
ฝากติดตามข่าวสารงานอีเว้นท์กับ Zipevent ในช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ตามนี้เลย
- Line: @Zipevent (อย่าลืมเติม @ ข้างหน้าด้วยนะคะ) หรือจิ้มไปที่ลิงก์นี้ได้เลย @Zipevent
- Instagram: @Zipevent
- Website: www.zipeventapp.com
- Twitter: @Zipevent
- Facebook: @Zipevent
