นิทรรศการมัลติมีเดียใหม่ล่าสุดเพื่อฉลองยุคทองแห่งศิลปะงานออกแบบและสถาปัตยกรรม SOMETHING NOUVEAU
KLIMT, MUCHA, BEARDSLEY
ยุคที่มีเสน่ห์ที่สุดในด้านศิลปะ งานกราฟิค และสถาปัตยกรรมคืออาร์ต นูโว (Art Nouveau) ผลงานของคลิมท์ (Klimt) มูคา (Mucha) และเบียร์ดสลีย์ (Beardsley) ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาตินั้นถูกปลุกขึ้นมาให้มีชีวิตด้วยแสงและดนตรีซึ่งจัดขึ้นที่ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม ถึงวันที่ 16 เมษายน
จาก From Monet to Kandinsky มาสู่ SOMETHING NOUVEAU
ต่อเนื่องจากความสำเร็จของนิทรรศการมัลติมีเดีย From Monet to Kandinsky มาสู่โชว์ครั้งใหม่ในรูปแบบมัลติมีเดียครั้งแรกของโลก SOMETHING NOUVEAU. KLIMT, MUCHA, BEARDSLEY ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะดิจิทัล (Museum of Digital Art – MODA) ที่กรุงเทพ
ที่สุดแห่งสุนทรียะในแง่ของลัทธิศิลปะสมัยใหม่คืออาร์ต นูโว อันเป็นที่ประจักษ์จากความรุ่งเรืองของศิลปะ สถาปัตยกรรม และงานดีไซน์ ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาอันสั้น (ตั้งแต่ปี 1890 ถึง 1910 และรุ่งเรืองที่สุดในปี 1900) ความงดงามและสไตล์อันเป็นปัจเจกล้วนเป็นที่ชื่นชมไปทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน อาร์ต นูโว ได้เสาะแสวงหาสุนทรียะอันทันสมัยอย่างแท้จริงจนกลายเป็นนิยามของภาษาภาพในช่วงเวลาหนึ่ง ที่เรียกกันว่ายุคทอง
ในช่วงที่อาร์ต นูโว เบ่งบานนั้นคือความอว็องการ์ด (avant-garde) หรือความล้ำอย่างแท้จริงซึ่งลัทธิทางศิลปะนี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามอย่างยิ่งที่จะประนีประนอมความต้องการต่างๆ ของยุคสมัยแห่งเทคนิคและความปรารถนาในแง่ความงามและการเชิดชู ศิลปินอาร์ตนูโวได้ล้มล้างความเชื่ออันแพร่หลายในช่วงต้นศตวรรษที่ 18 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่งานจิตรกรรมและประติมากรรมอยู่เหนืองานฝีมือ ศิลปินเหล่านี้ปรารถนาความคิดในแง่ของ “ศิลปะแขนงต่างๆ” เข้ามาแทนและช่วยลดช่องว่างระหว่างวิจิตรศิลป์และประยุกต์ศิลป์
ในเวลาเดียวกัน ศิลปะอาร์ต นูโว ได้พัฒนาไปในที่ต่างๆ ซึ่งมีความแตกต่างอย่างมากในที่ต่างๆ อย่างไรก็ตาม ศิลปินอาร์ต นูโว มีความคิดร่วมกันซึ่งถ่ายทอดออกมาอย่างชาญฉลาดโดยบิดาแห่งปรัชญา ดีไซเนอร์ชาวอังกฤษและนักธุรกิจนาม วิลเลียม มอร์ริส (William Morris) “เพื่อมอบความพึงพอใจในสิ่งต่างๆ ให้กับผู้คน สิ่งนั้นจำเป็นต้องใช้โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งนั่นก็คือการตกแต่งออฟฟิศ ส่วนการมอบความพึงพอใจในสิ่งต่างๆ พวกเขาจำเป็นต้องทำสิ่งนั้นขึ้นมาและให้คนอื่นได้ใช้”
หลากหลายชื่อ สุนทรียะหนึ่งเดียว
ศิลปะอาร์ตนูโวปรากฏอยู่ในหลายแขนงดังนั้นจึงมีหลายชื่อเรียกที่ประเทศสก็อตแลนด์มีสไตล์แนวเส้นตรงแบบกลาสโกว์ (Glasgow) มีชื่อเรียกเป็นภาษาอิตาเลียนว่า Arte Nuova หรือ Stile Liberty ส่วนที่เบลเยี่ยมเรียกว่าสไตล์ Nouille (“noodle”) หรือ Coup de Fouet (“whiplash”) ในขณะที่อเมริกาเรียกว่า Tiffany Style ที่เยอรมนีและออสเตรียเรียก Jugendstil (“youngstyle”) และที่ฝรั่งเศสเรียก Style Metro หรือ Belle Époque
คำว่า Art Nouveau เป็นชื่อเรียกสไตล์อันเป็นหนึ่งเดียวส่วนชื่ออื่นๆ ไม่ใช่สไตล์เดียวแต่หลากหลายศิลปินอาร์ตนูโวได้แรงบันดาลใจจากความโค้งมนแบบรอคโคโค(Rococo)เส้นสายงานกราฟิคแบบเคลติค(Celtic) งานบล็อคไม้แบบญี่ปุ่นพวกเขาจึงนำรูปทรงของต้นไม้ที่พบตามธรรมชาติจากนั้นนำมาประยุกต์และทำให้ดูเป็นลวดลายนามธรรมที่สง่างามและเป็นธรรมชาติ
นิทรรศการมัลติมีเดีย Something Nouveau. Klimt, Mucha, BEARDSLEY เป็นดั่งนิยายสามภาคที่อุทิศให้กับงานศิลปะของสามศิลปินระดับมาสเตอร์ผลงานมาสเตอร์พีซที่สวยงามกว่า 500 ภาพนำเสนอด้วยการฉายโปรเจ็กเตอร์ไปยังจอขนาดใหญ่โปรเจ็กเตอร์จัดวางไว้ในมุมต่างๆ ของห้องมัลติมีเดียขนาดใหญ่จึงเป็นโอกาสอันแตกต่างสำหรับผู้ชมที่จะได้ชมรายละเอียดเล็กๆ อย่างใกล้ชิดซึ่งมีความสำคัญและเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ที่แฝงอยู่ในงานศิลปะอาร์ตนูโว
ผู้ที่ถ่ายทอดความเป็นที่สุดแห่งประวัติศาสตร์อาร์ตนูโวได้ดีที่สุดราวกับเปลวไฟอันโชติช่วงในเวลาอันสั้นคือศิลปินหนุ่มชาวอังกฤษนามออเบรย์เบียร์ดสลีย์ (Aubrey Beardsley) ผู้ซึ่งความแปลกประหลาดของเขาทำให้เขาเป็นผู้สร้างสรรค์งานอาร์ตนูโวด้วยความแตกต่างมากที่สุดความสง่างามของเส้นสายใน งานออกแบบของเบียร์ดสลีย์ประกอบกับอารมณ์ขันอันแปลกประหลาด และความหลงใหลในความพิสดาร และข้อห้ามที่ก่อให้เกิดความสนใจขึ้นมาในเวลาเดียวกันอีกทั้งการปฏิเสธผู้คนในยุควิคตอเรียน (Victorian era) ผลงานที่สวยงามที่สุดของเบียร์ดสลีย์ได้แก่ Le Morte d’Arthur, Salomey และผลงานวาดภาพให้กับนิตยสาร The Savoy, The Studio และ Yellow Book นำมาจัดแสดงในนิทรรศการนี้ด้วย
ส่วนศิลปินชาวเช็กนามอัลโฟนส์มูคา (Alphonse Mucha) นำเสนอภาพลักษณ์ของผู้หญิงสมัยใหม่ (“new woman”) อันแสดงให้เห็นถึงสื่อที่กำลังผงาดเข้ามามีบทบาทคืองานภาพโฆษณาผู้หญิงมักเป็นสิ่งที่ปรากฏในงานศิลปะของเขาเพื่อจุดประสงค์ในเชิงเปรียบเทียบ และการตกแต่งมูคา และสหายส่งเสริมความเป็นเฟมินีนเสมือนเป็นสิ่งต่อต้านโลกที่ถูกครอบงำด้วยอุตสาหกรรมความไม่เป็นส่วนตัว และโลกของผู้ชาย (masculine) นิทรรศการมัลติมีเดียอันสวยงามแสดงให้เห็นถึงผลงานอันงามสง่าที่สุดของมูคาในสมัยที่สร้างสรรค์งานในกรุงปารีส
เฉกเช่นนักปรัชญานามฟรีดริชนีทเชอ (Friedrich Nietzsche) คลิมท์มองว่าศิลปินคือผู้ส่งสารแห่งความจริงไม่ใช่ความเพ้อฝันแต่อย่างใด ในปัจจุบันภาพจิตรกรรมสีทองอันโดดเด่นของเขาเป็นที่รู้จัก และชื่นชมไปทั่วโลกผลงานมาสเตอร์พีซของเขาเป็นหัวใจอันแท้จริงของสไตล์ศิลปะแบบอาร์ตนูโว และการแสดงแบบมัลติมีเดียผู้ชนจะเพลิดเพลินไปกับผลงานสีทองที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขา ไปจนถึงผลงานในยุคต้นๆ และชิ้นมาสเตอร์พีซคลาสสิค
ในขณะที่เบียร์ดสลีย์ (Beardsley) เป็นอัจฉริยะที่ไม่เคยได้รับการฝึกฝนกุสตาฟคลิมท์ (Gustav Klimt) ได้เข้าเรียนในโรงเรียนศิลปะ และงานฝีมือที่กรุงเวียนนาจากนั้นความอัจฉริยะของเขาจึงเริ่มต้นขึ้นงานยุคแรกๆ ของเขาได้เติมเต็มความคาดหวังในเชิงวิชาที่ร่ำเรียนมา และตอบสนองพวกชนชั้นกลางจึงเป็นภาพของธรรมชาติ และฉากต่างๆ ในประวัติศาสตร์ แต่อย่างไรก็ตามงานของเขาไม่สนองต่อข้อจำกัดของนิกายออร์ธอด็อกซ์ (Orthodox) บรรยากาศของความรักในเชิงอีโรติค และเรื่องเพศอบอวลไปทั่วกรุงเวียนนาในช่วงปี 1900 และมีอิทธิพลกับเขาอย่างมาก
ดีไซน์และโปรดักชั่น
นิทรรศการ Something Nouveau. Klimt, Mucha, Beardsley สร้างสรรค์ให้กับริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก โดย VISION MULTIMEDIA PROJECTS บริษัทยุโรปผู้อยู่เบื้องหลังนิทรรศการ FROM MONET TO KANDINSKY มีความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบ โปรดักชั่น และโปรเจ็กต์งานนิทรรศการที่จัดแสดงในที่ต่างๆ ในรูปแบบมัลติมีเดียอันทันสมัย เทคโนโลยีต่างๆ ที่ใช้ในการพัฒนานิทรรศการรวมถึงกราฟิคอะนิเมชั่นต่างๆ และบีมเมอร์ (beamer) อันทันสมัยนับสิบชิ้นเพื่อความละเอียดของภาพ ประกอบกับจอขนาดใหญ่และระบบเสียงรอบทิศทาง
ซึ่งหนึ่งในนิทรรศการที่ประสบความสำเร็จมาแล้วคือ From Monet to Kandinsky. Revolutionary Art และ Italian Renaissance จัดแสดงที่ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก รวมทั้งที่ประเทศเยอรมนี รัสเซีย และซาอุดิอารเบีย ในช่วงปี 2014-2019
ร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดล้ำไปกับ MODA
ร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดล้ำไปกับ MODA พิพิธภัณฑ์ศิลปะดิจิทัลแห่งแรกของกรุงเทพที่ชั้น 2 ของริเวอร์ซิตี้แบงค็อกเปิดตัวด้วยธีมแรก Something Nouveau ในวันที่ 15 มกราคมถึงวันที่ 16 เมษายน 2020 เพื่อให้เหล่าอาร์ตเลิฟเวอร์สได้ใกล้ชิดกับศิลปะอาร์ตนูโวของศิลปินชื่อดังนำโดยกุสตาฟคลิมท์, อัลโฟนมูคาและออร์เบรย์เบียร์ดสเลย์บัตรราคา 350 บาทสำหรับผู้ใหญ่และ 250 บาทสำหรับผู้อาวุโสและนักเรียนอีกทั้งมีส่วนลดพิเศษเมื่อมาเป็นกลุ่มและซื้อบัตร Early Bird ได้จนถึงวันที่ 14 มกราคมทางเว็บไซต์ Zipevent ที่นี่
ราคาบัตร Early Bird (ถึงวันที่ 14 มกราคม) สำหรับผู้ใหญ่ 300 บาท
ราคาบัตร Early Bird (ถึงวันที่ 14 มกราคม) สำหรับเด็กอายุ 4 ขวบขึ้นไป และนักเรียน / นักศึกษาจนถึงระดับปริญญาตรี 200 บาท
บัตรราคาปกติ (ตั้งแต่ 15 มกราคม ถึง 16 เมษายน) สำหรับผู้ใหญ่ 350 บาท
บัตรราคาปกติ (ตั้งแต่ 15 มกราคม ถึง 16 เมษายน) สำหรับเด็กอายุ 4 ขวบขึ้นไป และนักเรียน / นักศึกษาจนถึงระดับปริญญาตรี 250 บาท
ฝากติดตามข่าวสารงานอีเว้นท์กับ Zipevent ในช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ตามนี้เลย Line: @Zipevent (อย่าลืมเติม @ ข้างหน้าด้วยนะคะ)
หรือจิ้มไปที่ลิงก์นี้ได้เลย @Zipevent
Instagram: @Zipevent
Website: www.zipeventapp.com
Twitter: @Zipevent
Facebook: @Zipevent