ย้ายประเทศ or เรียนต่อต่างประเทศ
หลังๆ มานี้การไปอยู่ต่างประเทศก็นับว่าเป็นไอเดียที่ใครหลายๆ คนกำลังตั้งเป้าหมายไว้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะอยากไปหาประสบการณ์ อยากย้ายที่อยู่ หรือจำเป็นต้องย้ายเพราะเหตุผลส่วนตัวต่างๆ จึงทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้มากขึ้น ประเทศไหนน่าไป? จะใช้ชีวิตอยู่ได้หรือไม่? ต้องเตรียมตัวมากน้อยแค่ไหน? คำถามเหล่านี้เป็นคำถามยอดฮิตมากที่สุด
ในบทความนี้เราจะขอเจาะไปที่การไปเรียนต่อต่างประเทศ บางคนอาจจะกำลังลังเลอยู่ว่า การไปเรียนต่อต่างประเทศต้องผ่านขั้นตอนการเตรียมตัวที่ยุ่งยากหรืออาจจะคิดว่าตัวเองไม่เก่งพอที่จะทำได้ แต่จริงๆ แล้วถ้าใจพร้อมที่จะไป อะไรๆ มันก็ไม่ยาก เพียงแค่เราต้องศึกษาข้อมูลและเตรียมตัวให้พร้อมเท่านั้นเอง เพราะถ้าเราเตรียมตัวเบื้องต้นได้ดี เป้าหมายก็ไม่ไกลเกินเอื้อม
มาดู Checklist กันดีกว่าว่าการเตรียมตัวเบื้องต้นควรจะมีอะไรบ้าง
- รู้คร่าวๆ ว่าอยากเรียนเกี่ยวกับอะไร
ถ้าเรามีเป้าหมายหลักๆ เกี่ยวกับด้านที่สนใจอยากศึกษาต่อ เราก็สามารถเริ่มจากตรงนี้ได้ ในการศึกษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับมหาลัยที่เปิดรับสมัครว่ามีเกณฑ์อะไรในการรับสมัครบ้างหรือคะแนนภาษาอังกฤษของเราถึงมาตรฐานหรือไม่ เป็นต้น ซึ่งเราอยากแนะนำว่าให้เลือกที่ตัวเองสนใจจริงๆ เด็กไทยหลายๆ คนมักจะเชื่อเพื่อน คอยตามเพื่อนตลอด ซึ่งในอนาคตถ้าเราไม่ได้สนใจหรือชอบด้านนี้จริงๆ ก็อาจจะเสียเวลาไปเลยก็ได้นะ ปัจจัยการเลือกโรงเรียนหรือมหาลัยก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน บางคนอาจจะเลือกสาขาเป็นหลัก หรือบางคนก็อาจจะเลือกที่มหาลัยเป็นหลักก็ได้เช่นกัน
- ภาษาต้องมีการเตรียมพร้อมให้ดี
บางคนอาจจะไม่ได้อยากไปเรียนต่อในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก เลยคิดว่าคงไม่จำเป็นในการฝึกฝนภาษาอังกฤษ ซึ่งจริงๆ แล้ว ภาษาสำคัญมากๆ ถ้าต้องการที่จะไปเรียนต่อในต่างประเทศจริงๆ ก็ควรจะฝึกฝนให้อยู่ในเกณฑ์ดี ทั้ง การฟัง พูด อ่านและเขียน เพราะเราจะได้เปรียบกว่าคนที่ภาษาอ่อนกว่ามาก
- เตรียมตัวที่จะใช้ชีวิตด้วยตัวเองและปรับตัวให้เข้ากับคนอื่น
จริงอยู่ที่เป้าหมายหลักในการไปเรียนต่อต่างประเทศคือการศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ แต่ปัจจัยอีกหนึ่งอย่างที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือการใช้ชีวิต หลักๆ คือเราต้องเปิดใจรับวัฒนธรรมที่เราอาจจะไม่เคยพบเจอมาก่อนให้ได้ สังคมใหม่ๆ ที่เราไม่คุ้นเคย อาจจะมีอุปสรรคในช่วงแรกๆ แต่เมื่อเราได้ลองปรับตัวไปเรื่อยๆ ทุกๆ อย่างมันก็จะดีขึ้นเอง ต้องเตรียมใจกับตรงนี้นะ
และนอกจากการเตรียมตัวเบื้องต้นที่บอกไปด้านบนแล้ว เราลองมาลงดีเทลถึงเรื่องราวของเอกสารหลักๆ กันบ้างดีกว่า ทั้งนี้ทั้งนั้นแต่ละประเทศ แต่ละมหาลัย หรือโรงเรียน ก็มีลิสต์ที่แตกต่างกันออกไปน้า แต่รอบนี้เราจะมาแชร์ต่อถึงเอกสารเบื้องต้นที่ส่วนใหญ่ๆ หลายๆ ที่ต้องการ เพื่อที่เพื่อนๆ จะได้เตรียมตัวกันก่อน
ใบจบการศึกษา (Graduation Certificate)
เป็นใบหลักฐานรับรองการศึกษา ซึ่งสามารถขอได้ที่มหาลัยของแต่ละคนเลย แนะนำให้ขอเป็นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษนะ
ทรานสคริปต์ (Transcript)
ใบแสดงผลการเรียนในทุกๆ ภาคเรียนที่มหาลัยของเพื่อน เพื่อเป็นเอกสารสำหรับประวัติการเรียนในช่วงมหาลัยของเรา
จดหมายรับรอง (Letter of Recommendation)
เพื่อนๆ จะต้องขอหนังสือรับรองจากอาจารย์ที่มหาลัยจำนวนอย่างน้อย 2 ฉบับ หรือถ้าใครทำงานแล้วก็สามารถขอจดหมายรับรองจากที่ทำงานได้เช่นกัน อย่าลืมว่าอาจารย์มีภารกิจอีกหลายอย่างที่ต้องทำ เราก็ควรจะขอจดหมายล่วงหน้าเร็วๆ จะได้เผื่อเวลาให้อาจารย์นั่นเอง
Resume / Portfolio
สิ่งที่ควรทำเผื่อไว้ก็คือ Resume หรือประวัติการเรียน การทำงาน และสิ่งที่เพื่อนๆ สนใจคร่าวๆ เพื่อที่ทางมหาลัยจะได้รู้จักกับเราเพิ่มเติม เป็นข้อมูลใช้ประกอบการตัดสินใจนั่นเอง ส่วน Portfolio ก็อาจจะเหมาะกับเพื่อนๆ ที่สนใจเรียนต่อในด้านอาร์ต ก็อาจจะต้องมี Portfolio แสดงผลงานเพิ่มเติม
Passport (หนังสือเดินทาง)
สำเนาพาสปอร์ตหรือสำเนาหนังสือเดินทางนั้นจำเป็นที่สุด ขอให้ถ่ายเอกสารเก็บตุนไว้ก่อนเลย เพราะคอนเฟิร์มว่าต้องได้ใช้แน่นอน แต่อย่าลืมเช็กวันหมดอายุพาสปอร์ตให้ดีก่อนนะ เผื่อต้องไปต่อเล่มใหม่ จะได้ทำทันนะคะ
Statement of Purpose (SOP)
สิ่งที่ต้องทำเพิ่มเติมนอกจากเอกสารรับรองจากมหาลัยและอาจารย์ ก็คือการเขียน Statement of Purpose (SOP) คล้ายๆ กับเรียงความเพื่อบอกว่าทำไมถึงอยากเข้าเรียนในหลักสูตรนี้หรือคอร์สนี้มีความสำคัญอย่างไรกับตัวเรา พร้อมบอกถึงสิ่งที่คาดหวังจากการที่จะได้เรียนหลักสูตรนั้นๆ ด้วย (ความยาวประมาณไม่เกิน 2 หน้า A4)
เอกสาร คะแนนภาษาอังกฤษ (IELTS หรือ TOEFL)
แน่นอนว่าทางมหาลัยที่เราต้องการจะไปเรียนจะต้องอยากวัดระดับภาษาอังกฤษเบื้องต้นของเราก่อน ซึ่งคะแนน IELTS และ TOEFL ก็เป็นมาตรฐานที่วัดได้โดยง่าย ใครที่ยังไม่เคยสอบก็ลองศึกษาแนวข้อสอบให้ดีน้า แต่ละมหาวิทยาลัยก็จะมีเกณฑ์การวัดระดับต่างกันไป แต่ไม่ต้องกังวลนะ ถ้าสอบแล้วผลคะแนนออกมาไม่ถึงเกณฑ์ เราสามารถสอบได้เรื่อยๆ จนกว่าคะแนนจะถึง แต่ถ้าไม่ถึงจริงๆ ก็ไม่เป็นไร ทางมหาลัยส่วนใหญ่จะมี หลักสูตรที่เรียกว่า Pre-sessional course ให้ได้ปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษก่อนเปิดภาคเรียนกันก่อน
นี่ก็เป็นการเตรียมตัวเบื้องต้นสำหรับใครที่อยากไปเรียนต่อต่างประเทศ หรือ ย้ายประเทศ ควรจะศึกษาให้ดีก่อน เมื่อถึงเวลาจริงๆ จะได้ไม่มีปัญหานะทุกคน ปัจจุบันก็มีเอเจนซี่มากมายที่ให้คำปรึกษาในเรื่องของการเรียนต่อ เค้าจะมีเจ้าหน้าที่คอยช่วยเหลือ แทบจะทุกขั้นตอน สามารถลองติดต่อเข้าไปคุยกับเค้าได้เลย หากใครที่กลัวตกหล่นการส่งเอกสารต่างๆ
สำหรับบทความหน้าจะเป็นเรื่องราวของอะไรนั้น ต้องกดติดตาม Zipevent เอาไว้ เพื่อไม่พลาดข่าวสารและเทรนด์ต่างๆ
- Line: @Zipevent (อย่าลืมเติม @ ข้างหน้าด้วยนะคะ) หรือจิ้มไปที่ลิงก์นี้ได้เลย @Zipevent
- Instagram: @Zipevent
- Website: www.zipeventapp.com
- Twitter: @Zipevent
- Facebook: @Zipevent
- Blockdit: @Zipevent
- YouTube: Zipevent