จากงานประชุมใหญ่สามัญประจำปีของสมาคมอุตสาหกรรมการแสดงสินค้าระดับโลก หรือ The 86th UFI Global Congress เมื่อวันที่ 6-9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้มีการเปิดเผยว่า การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมงานแสดงสินค้านานาชาติของไทยในปี 2020 มาภายใต้แนวทาง “Exhibition Redefined; 360° Exhibition Success” ซึ่งนำไปสู่ทิศทางของงาน MICE ในประเทศไทยประจำปี 2020
จากรายงานอุตสาหกรรมงานแสดงสินค้าของเอเชีย ประจำปี 2019 ระบุ รายได้จากการจัดงานแสดงสินค้าของประเทศไทยอยู่ในอันดับสูงสุดในอาเซียน หรือคิดเป็นเงิน 232.71 ล้านเหรียญสหรัฐ จากจำนวน 104 งาน ไทยจึงเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมงานแสดงสินค้านานาชาติของอาเซียน
โดยสมาคมการแสดงสินค้าโลก หรือ UFI
ประเทศไทยกับ 5 กลยุทธ์สู่ Hub MICE โลก
แนวทาง “Exhibition Redefined; 360° Exhibition Success” นี้แบ่งกลยุทธ์ออกเป็น 5 ด้านคือ
- การดึงงานใหม่เข้ามาจัดในประเทศไทย โดยเน้นไปที่ อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมดิจิทัล อุตสาหกรรมการบริการสุขภาพแบบองค์รวม อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต เป็นต้น
- การเตรียมความพร้อมสู่การเป็นเจ้าภาพการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติด้านการบิน โดยมุ่งเน้นการดึง งาน MICE ในอุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ เข้ามาจัดในประเทศไทย
- การเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการไทยในการจัดงานแสดงสินค้าให้มีมาตรฐาน
- การบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน และการสร้างเครือข่ายพันธมิตรระดับโลก อาทิ การเจาะกลุ่มเป้าหมายผ่านกิจกรรม UFI Asia Pacific Conference Site Trip และ ASEAN Association Meeting
- การสนับสนุนการแสดงสินค้าแบบครบวงจรยกระดับมาตรฐานจัดงานสู่สากล เพิ่มจำนวนผู้ร่วมแสดงงาน มุ่งเน้นกลุ่มประเทศจีน ญี่ปุ่น และไต้หวัน และเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมงานชาวต่างชาติจากกลุ่มประเทศ ASEAN+6 และ CLMV
ทิศทางของงาน MICE ในประเทศไทยประจำปี 2020 ต่อผู้จัดงานอีเว้นท์
จาก 5 กลยุทธ์สู่ Hub MICE โลก จะเห็นว่า ปี 2020 ในแง่ธุรกิจ อุตสาหกรรมที่จะถูกผลักดัน คือ อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ รองลงมาจะเป็น อุตสาหกรรมดิจิทัล การบริการสุขภาพแบบองค์รวม และยานยนต์แห่งอนาคต
ในมุมมองผู้จัดอีเว้นท์ สิ่งที่ต้องเตรียมรับมือจากทิศทางของงาน MICE ในประเทศไทยประจำปี 2020 นี้สรุปได้เป็น 4 ข้อดังนี้
- ต้องยกระดับ หรือรักษามาตรฐานการจัดงานแสดงสินค้า หรือบริการ รวมถึงงานประชุมทุกระดับ ให้อยู่ในมาตรฐานระดับสากลด้วย
- เตรียมพร้อมสตาฟประจำงานอีเว้นท์ ให้มีความสามารถทางภาษาให้มากขึ้น เนื่องจากในปี 2020 จะเน้นผู้เข้าร่วมงานจากกลุ่มประเทศจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน และเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมงานชาวต่างชาติจากกลุ่มประเทศ ASEAN+6 และ CLMV
- จับมือกับสถานที่จัดอีเว้นท์ที่พร้อมรองรับแบบ Multi-Purpose ทั้งงานประชุมนานาชาติ มีที่พักรองรับผู้เข้าร่วมงาน หรือชาวต่างชาติ และฮอลล์สำหรับงานแสดงสินค้า เพื่อรองรับงาน MICE ได้
- เตรียมข้อมูลการท่องเที่ยวไว้สำหรับก่อน ระหว่าง และหลังจบงานอีเว้นท์นั้นๆ เพราะงาน MICE ได้พัฒนามาจากธุรกิจนำเที่ยว แต่นำเสนอบริการเป็นการจัดประชุม งานแสดงสินค้าต่างๆ
MICE ในประเทศไทยประจำปี 2020 แน่นอนว่าเติบโตขึ้นกว่าปี 2019 อย่างแน่นอน และเป็นตัวที่ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจาก MICE นอกจะเป็นการเกิดขึ้นของงานอีเว้นท์หนึ่งๆ แล้ว MICE ยังจะส่งเสริมทั้งด้านการท่องเที่ยว การจับจ่ายใช้สอยทั้งสินค้าและบริการ รวมถึงการเข้าไปใช้จ่ายในชุมชน ทั้งหมดที่กล่าวมาจะเกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนเกิดงานอีเว้นท์ ระหว่างอีเว้นท์ และหลังจบงานอีเว้นท์ไปแล้ว
ในด้านผู้จัดงานอีเว้นท์ก็ต้องปรับตัวดังข้างต้นที่ทางทีมได้สรุปสั้นๆ มาเพื่อเป็นแนวทางการวางแผน หรือร่วมมือกับสถานที่จัดอีเว้นท์ ธุรกิจอื่นๆ หรือชุมชนอย่างไร เพื่อที่จะทำให้ผู้จัดงานอีเว้นท์มีความพร้อมรับมือกับ MICE ในประเทศไทยประจำปี 2020
สำหรับใครสนใจในธุรกิจ MICE สามารถอ่านบทความย้อนหลังเรื่อง MICE หรือ Business Event กับการเปลี่ยนแปลงของเทรนด์โลก จากงาน CTC 2019 ได้ที่นี่
ฝากติดตามข่าวสารงานอีเว้นท์กับ Zipevent ในช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ตามนี้เลย Line: @Zipevent (อย่าลืมเติม @ ข้างหน้าด้วยนะคะ)
หรือจิ้มไปที่ลิงก์นี้ได้เลย @Zipevent
Instagram: @Zipevent
Website: www.zipeventapp.com
Twitter: @Zipevent
Facebook: @Zipevent