การปิดการขาย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจการขายเลยล่ะ ไม่ว่าจะเป็นการขายในรูปแบบทั่วไป หรือการขายผ่านทางออนไลน์ก็ตาม และโดยเฉพาะกับ Exhibitor มือใหม่ที่เพิ่งเริ่มออกบูธได้ไม่นาน ก็อาจจะประสบกับปัญหาที่ว่า “จะทำยังไงดีถึงจะสามารถปิดการขายได้ง่ายๆ?” เพราะในบางครั้งลูกค้าก็มักจะปฏิเสธด้วยการยกเหตุผลนานามาอ้างเพื่อบอกปัดการซื้อสินค้าของเรา ไม่ว่าจะเป็นคำว่า “ขอคิดดูก่อนนะ” หรือ “ที่บ้านมีแล้วค่ะ” หลากหลายเหตุผลที่เอามาปฏิเสธ วันนี้เราจึงได้รวบรวมเทคนิคพิชิตใจสำหรับปิดการขายที่รับรองว่านำไปใช้ได้จริง มาฝากเพื่อนๆ กัน ถ้าพร้อมแล้วก็ไป พิชิตใจและปิดการขายในครั้งนี้ของเรากันเถอะ!
พิชิตใจด้วย “การทักทาย”
ประโยคแรกของการเริ่มต้นที่ดีในการขายนั้น ควรให้ความสำคัญตรงนี้เป็นพิเศษเพราะการเริ่มต้นแรกพบเจอ มีผลต่อการพูดสนทนาต่อในประโยคถัดไป การทักทายควรมีความนอบน้อมดูเป็นกันเองแต่ก็ต้องมีมารยาทด้วยนะ ทำตัวให้เหมือนเราเต็มใจพร้อมให้บริการในทุกเวลา ไม่ว่าลูกค้าจะถามประโยคใดก็ตามเราควรมีคำลงท้ายด้วย ค่ะ/ครับ แค่เรามีความเป็นกันเอง เป็นตัวของตัวเองในแบบที่อยู่ในขอบเขตแค่นี้ เราก็จะเริ่มพิชิตใจการขายขั้นเบื้องต้นได้แล้วค่ะ
พิชิตใจด้วย “การพูดคุย/สอบถาม”
การเข้าประเด็นถึงการเสนอขายสินค้าในทันที เราควรทำให้ลูกเปิดใจก่อน หลังจากนั้นเราอาจจะพูดคุยเรื่องที่ใกล้เคียงกับเรื่องที่เราพูดต่อ การที่เราทำแบบนี้จะช่วยทำให้ลูกค้ารู้สึกสบายใจกับสิ่งที่เราเสนอไปด้วย ทำให้ลูกค้าไม่รู้สึกเบื่อหน่ายและเกิดทัศนคติด้านลบกับเรา เราไม่ควรที่อยู่ๆ จะอยากขายก็ขายไปเลย โดยไม่รับฟังความเห็นจากลูกค้า ดังนั้นจึงควรเริ่มจากการยิงคำถามในแบบสอบถามไปก่อน เมื่อเราได้พูดคุยกับลูกค้ามากขึ้นแล้ว ก็ต้องเปิดใจรับฟังและทำตามความต้องการของลูกค้าต่อไป เพื่อที่เราจะได้เสนอการขายได้ตรงจุด ตอบโจทย์ลูกค้าให้มากที่สุด เพื่อสร้างความคุ้นเคยแถมลดความเกร็งจากการพบกันครั้งแรกอีกด้วยนะคะ อ้อ! แล้วอย่าลืมเลือกคำถามที่จะทำให้ลูกค้าตอบมาได้อย่างมีความสุขด้วยนะ
พิชิตใจด้วย “การเสนอความคุ้มค่า”
เราควรพูดถึงความคุ้มค่าให้กับลูกค้าฟัง ในรูปแบบจูงใจให้ลูกค้าเห็นคุณค่าของสินค้าเรา ว่าเมื่อได้ทำการซื้อหรือเซ็นสัญญาไปแล้วจะได้อะไรกลับมาบ้าง อาจจะยกตัวอย่างว่าสินค้านั้นเหมาะกับลูกค้ามากแค่ไหน เป็นอะไรที่ควรจะมีอยู่ในบ้านสุดๆ ยิ่งเราทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความจำเป็น ความสะดวกสบายที่จะได้รับ หรือประโยชน์ของสินค้า ก็จะช่วยให้เราสามารถปิดการขายได้ง่ายขึ้นนั่นเอง! แต่อย่าลืมนะคะว่าไม่ควรพูดเยอะจนเกินไปหรือพูดอะไรที่โอเว่อร์เกินจริง ควรจะอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงของสินค้าของเราด้วยน้า
พิชิตใจด้วย “การไม่ทำให้รู้สึกอึดอัด”
การที่เราไปกดดันลูกค้าเพื่อรอคำตอบมากเกินไป อาจจะทำให้ลูกค้ารู้สึกอึดอัดใจและพลอยไม่อยากซื้อสินค้านั้นเลยก็ได้ เราจึงควรใช้วิธีแบบค่อยเป็นค่อยไป ทำให้เขารู้สึกแค่ว่า รอคำตอบอยู่แต่ไม่รู้สึกกดดันดีกว่า พยายามสร้างความสบายใจให้ลูกค้ามากที่สุด เพราะใครๆ ก็คงชอบบรรยากาศสบายๆ ในการซื้อของมากกว่าความเครียด หลังจากนั้นก็ขึ้นอยู่ที่ลูกค้าเราแล้วล่ะ ว่าเขาจะตัดสินใจซื้อไหม แต่อย่างน้อยวิธีนี้ก็มีส่วนช่วยเราเหมือนกันนะ!
พิชิตใจด้วย “การลด แลก แจก แถม”
วิธีสุดท้ายนั่นก็คือการ “ลด แลก แจก แถม” กันไปเลย! เชื่อว่าทุกๆ คนก็ต้องชอบกันทั้งนั้นค่ะ ลองนำวิธีนี้ไปใช้กันดูนะ อย่างเช่น การสร้างโปรโมชั่นลดราคาพิเศษเฉพาะในงาน จะใช้การตั้งราคาของสินค้านั้นให้สูงกว่าปกติเพื่อเผื่อเวลาที่ลูกค้าขอลดก็ได้ หรือจะมีของแถมดีๆ ที่น่าสนใจให้เมื่อซื้อสินค้าถึงยอดที่กำหนดก็เริ่ด ในส่วนนี้จะช่วยทำให้ลูกค้ากลับมาสนใจ และอยากที่จะซื้อสินค้ากับเรา วิธีนี้ใช้ได้ผลแน่นอน ลองดูกันเล้ยย!
ที่พูดมาทั้งหมดนี้ทุกคนสามารถนำไปใช้ในการปิดการขายได้จริงๆ ขอแค่อย่ายอมแพ้ อย่าอ่อนแอแม้จะร้องไห้ จงลุกขึ้นสู้ไปจุดหมายไม่ไกลเกินจริง มาเป็นเพลงกันเลยทีเดียว ตามเพลงเลยค่ะทุกคน ไม่ยอมแพ้ ไม่อ่อนแอ เป้าหมายไม่ไกลเกินจริง เราเชื่อว่ายังไงทุกคนก็ทำได้แน่นอน ประตูหัวใจของลูกค้าไม่ได้เปิดอ้าถาวร แต่เราก็สามารถทำให้เปิดขึ้นได้ถ้าเราโน้มน้าวได้สำเร็จเช่นกัน และเมื่อลูกค้าเกิดความประทับใจ เชื่อใจ และไว้ใจ ธุรกิจของคุณแล้ว คุณก็ต้องทำให้ได้อย่างที่ลูกค้าเชื่อใจคุณด้วยนะคะ!
ฝากติดตามข่าวสารงานอีเว้นท์กับ Zipevent ในช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ตามนี้เลย
Line: @Zipevent (อย่าลืมเติม @ ข้างหน้าด้วยนะคะ)
หรือจิ้มไปที่ลิงก์นี้ได้เลย @Zipevent
Instagram: @Zipevent
Website: www.zipeventapp.com
Twitter: @Zipevent
Facebook: @Zipevent