เมื่อชีวิตเริ่มมองหาความมั่นคง “บ้าน” คืออสังหาอย่างหนึ่งที่ แทบทุกบ้าน หรือทุกครอบครัวต้องมีไว้ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบ บ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม หรือทาวน์โฮม ก็ล้วนเป็นอสังหาที่ต้องใช้เงินก้อนโต เพื่อแรกมากับความมั่นคง ที่ถือเป็นรากฐานสำคัญของครอบครัว ดังนั้นวันนี้เราจึงรวมค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการซื้อบ้าน ที่นอกเหนือจากราคาบ้านที่ปิดประกาศไว้นั้น เราต้องเสียค่าอะไรอีกบ้าง ไปดูกัน! เพื่อความเตรียมพร้อมที่ดี!

1. ค่าประเมินราคา

เป็นค่าใช้จ่ายเวลาไปทำเรื่องกู้กับธนาคารนั้นๆ ค่าใช้จ่ายจะตกอยู่ที่ประมาณ 0-0.5% ของราคาประเมินของกรมที่ดิน หรือเฉลี่ยอยู่ที่ 2,000-3,000 บาท ต่อการประเมินหนึ่งครั้ง ดั้งนั้นยิ่งทำเรื่องกู้หลายๆ ครั้ง หรือหลายๆ ที่ก็ยิ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก หากในกรณีที่กู้ไม่ผ่านก็จะไม่ได้รับอนุมัติเงินคืน

2. เงินมัดจำหรือเงินจอง

เป็นค่าใช้จ่ายที่เราต้องจ่ายเพื่อยืนยันตัวตนว่า บ้านหลังนี้เราเอาแน่ๆ หรือห้องนี้จะเป็นห้องของเราแน่ๆ ซึ่งมูลค่าก็จะมีตั้งแต่หลักหมื่นเป็นต้นไป ดังนั้นเราควรดูให้ดีว่า และทำสัญญาไว้เป็นรายลักษณ์อักษรว่าบ้าน หรือห้องนี้ เราได้จองไว้เเล้ว เพราะไม่งั้นอาจโดนต้มตุ๋นให้จ่ายค่าจองแต่สุดท้ายเขาเอาไปขายให้คนอื่นต่อก็เป็นได้

3. ค่าใช้จ่ายในการทำสัญญา

ผู้ซื้อและผู้ขายจะทำการตกลงกัน เพราะการซื้อบ้านหนึ่งหลัง หรือซื้อคอนโดหนึ่งห้องนั้น จะไม่จบแค่ค่าบ้าน แต่จะมี ค่าส่วนกลาง กองทุนสะสม ค่าน้ำค่าไฟ ซึ่งในสัญญาซื้อขายส่วนใหญ่จะให้จ่ายค่าบริการทั้งหมดเป็นรายปี และจะเก็บ ณ วันที่โอนกรรมสิทธิ์เลย

4. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 

ตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร จะหักภาษีส่วนนี้ ณ ที่จ่าย

5. ค่าธรรมเนียมการทำนิติกรรม

ค่าธรรมเนียมการทำนิติกรรม หรือค่าโอน จะเป็นการจ่ายแค่ครั้งเดียว ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ โดยอัตราปกติคิด 2% ของราคาประเมินกรมที่ดิน ซึ่งทางกฏหมายกำหนดให้ต้องจดทะเบียนกับสำนักงานที่ดิน ซึ่งราคาตรงนี้เราจะจ่ายส่วนมาก หรือส่วนน้อย อยู่ที่การตกลงกับผู้ขาย หรือ จะทำการตกลงร่วมกันโดยจ่ายชำระค่าโอนคนละครึ่ง

6. ค่าจดจำนอง

เป็นค่าใช้จ่ายที่จ่ายงวดเดียวเช่นกัน (กรณีจำนองกับสถาบันการเงิน) และจะจ่าย ณ วันโอนกรรมสิทธิ์เช่นเดียวกันอีก แต่อัตราจะน้อยกว่าค่าธรรมเนียมนิติกรรมเหลือ 1% ของมูลค่าที่จดจำนองเท่านั้น โดยต้องชำระให้สำนักงานที่ดิน

7. เงินดาวน์บ้าน 

หลังทำสัญญาชื้อขายเรียบร้อย ก็จะต้องเริ่มคิดคำนวนค่าใช้จ่าย ที่เราจะต้องผ่อนจ่ายไปเรื่อยๆ เป็นงวดๆ ซึ่งค่าใช้จ่ายจะเป็นไปตามที่โครงการนั้นกำหนด สำหรับบ้านนั้นจะเริ่มดาวน์ที่ 5 เปอร์เซ็นต์ของราคาจริง ส่วนคอนโดมิเนียมมักจะเพิ่มขึ้นกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ของราคาจริง

8. ค่าอากรแสตมป์ หรือ ภาษีธุรกิจเฉพาะ 

เป็นค่าที่ต้องชำระอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่าง อากรแสตมป์ และธุรกิจเฉพาะ ซึ่งหากจ่ายอาการแสตมป์จะเป็น 0.50% ตามราคาซื้อขาย สำหรับภาษีธุรกิจเฉพาะจะจ่าย 3.3% ของราคาซื้อขายที่ไม่ต่ำกว่าราคาประเมินของกรม และไม่ต้องชำระ หากถือครองเกิน 5 ปี หรือมีชื่อในทะเบียนบ้านเกินหนึ่งปีไปแล้ว

9. ค่าประกันอัคคีภัย และ ค่าประกันมิเตอร์น้ำ-ไฟ

ค่าประกันอัคคีภัย โดยปกติถ้าซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมโดยการกู้ยืม จากสถาบันทางการเงิน จะต้องทำประกันอัคคีภัยควบคู่กันไปด้วยเสมอ ซึ่งสำหรับการจ่ายเบี้ยประกันนั้น จะต้องชำระพร้อมเงินผ่อนงวดแรก และเก็บทุก ๆ 3 ปี ตามอัตราดอกเบี้ยประกันที่กำหนดโดยกรมการประกันภัย หรือประมาณ 2,000 บาท ต่อมูลค่าบ้าน 1 ล้านบาทไว้

ค่าประกันมิเตอร์ เป็นค่าใช้จ่ายติดตั้งมิเตอร์น้ำและไฟ ที่ทางเจ้าของโครงการบ้านจะเป็นคนจ่ายให้ล่วงหน้า แล้วเรียกเก็บกับเราในภายหลังตามอัตราที่ราชการกำหนด

ค่าประกันภัยอาคาร สำหรับผู้ที่ซื้อคอนโดจะต้องร่วมรับผิดชอบค่าประกันนี้ด้วย โดยคำนวณตามสัดส่วนพื้นที่ห้อง


ขอบอกเลยว่ากว่าจะได้อสังหาที่เป็นบ้านสักหลัง หรือคอนโดสักห้องไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้น เราขอแนะนำให้คุณที่มีความฝัน ไปปรึกษาเรื่องนี้พร้อมๆ กันในงาน House&Condo Residence@Fashion Island ระหว่างวันที่ 25 กันยายน 2562 – 1 ตุลาคม 2562 ณบริเวณลานโปรโมชั่น 1,2,3 โซนหน้าร้านทอง ชั้น BFashion Island ซึ่งจะทำให้เรื่องการซื้อขายบ้านเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น!

อ่านเพิ่มเติมที่
https://www.zipeventapp.com/e/House-Condo-Residence-Fashion-Island-BDC8B2EF082B


ฝากติดตามข่าวสารงานอีเว้นท์กับ Zipevent ในช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ตามนี้เลย
Line: @Zipevent (อย่าลืมเติม @ ข้างหน้าด้วยนะคะ)
หรือจิ้มไปที่ลิงก์นี้ได้เลย @Zipevent
Instagram: @Zipevent
Website: www.zipeventapp.com
Twitter: @Zipevent
Facebook: @Zipevent

Comments

comments

Author