ต้อนรับการกลับมาของ LANY วงดนตรีจากลอสแองเจลิส ที่กำลังจะมาแสดงคอนเสิร์ตให้แฟนๆ ชาวไทยได้ฟินกันอีกครั้งในวันที่ 2 เมษายนนี้ ด้วยซาวน์ดนตรีที่ละมุน ฟังสบาย บวกกับเนื้อเพลงที่มักจะสื่อแทนความรู้สึกของใครหลายๆ คนได้เสมอ ก็ทำให้อินไปกับเพลงที่ปล่อยออกมาได้ไม่ยาก ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว เพลงของ LANY มักจะเน้นไปถึงเรื่องราวความรัก ความสัมพันธ์ และความรู้สึกที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังเมโลดี้และเนื้อเพลงที่เขียนออกมา เราจึงรู้สึกได้ว่าแต่ละซิงเกิ้ลของ LANY นั้นสามารถเป็นตัวแทนภาวะความสัมพันธ์ในแต่ละช่วงชีวิตของเราได้เป็นอย่างดี

Dumb Stuff (ภาวะอะไรๆ ก็ดีไปหมด)

LANY

ช่วงเวลานี้เรียกว่าเป็นช่วงเวลาที่แฮปปี้ที่สุดในความสัมพันธ์เลยก็ว่าได้ ทุกอย่างมันลงตัวไปแทบจะทั้งหมด ทุกโมเมนต์ ทุกการกระทำ ทุกเหตุการณ์มันดีต่อใจมากๆ เพียงแค่ได้คุยกันตลอดทั้งคืน ยอมนอนดึกๆ เพื่อจะได้คุยกันนานๆ เหมือนทั้งโลกมีแค่เราสองคนเท่านั้น “Oh my god, is my love too much?” จนต้องเอ่ยถามประโยคนี้กับตัวเอง ว่าทำไมเราถึงรู้สึกกับคนๆ นี้ได้มากขนาดนี้กันนะ <3 

Super Far (ภาวะหน่วง)

LANY

เมื่อความสัมพันธ์มาอยู่ในจุดที่เหมือนกับทางตัน กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง เหมือนว่าเรารักเขา ใส่ใจเขา และทุ่มเทให้กับความสัมพันธ์ในครั้งนี้อยู่ฝ่ายเดียว ซึ่งเราทนอยู่กับความรู้สึกแบบนี้มาสักพัก จนมันเกินลิมิตเราแล้วนั่นเอง อย่างท่อนที่ร้องว่า “All my friends keep saying that I’m way too good to you” เห็นได้ชัดเลยว่าเพื่อนๆ และคนรอบข้างของเราเห็นเราทนอยู่กับความรู้สึกตรงนี้มานานแล้ว เราควรได้พบกับคนที่เห็นค่าของความรู้สึกเรามากกว่านี้ ถูกมั้ยล่ะ ? สื่อถึงความสัมพันธ์ที่มันหน่วงๆ อึดอัดแบบบอกไม่ถูก จนสุดท้ายเราก็เริ่มตัดสินใจได้แล้วว่า การเดินออกมาจากจุดนั้นน่าจะดีกับตัวเองที่สุด : )

Goo​d Girls (ภาวะหลอกตัวเอง)

LANY

คล้ายๆ กับ ‘Super Far’ ที่เราพยายามบอกตัวเองมานานว่าความรักในครั้งนี้มันยังไปรอดได้ ซึ่งเอาจริงๆ แล้ว ลึกๆ เรารู้มาตลอดว่ามันไม่เวิร์คหรอก หลายๆ ครั้งที่เรารู้สึกแย่กับสิ่งที่เขาทำ แต่เราก็พยายามบอกตัวเองเสมอว่า เอาน่า คนที่เพอร์เฟ็คต์ไม่มีอยู่จริงอยู่แล้ว ที่เขาทำผิดกับเรา เราก็รับได้และหวังว่าทุกอย่างจะลงเอยได้ดีเหมือนเดิม เพราะเรารักเขามาก ก็เหมือนกับคนที่ยังไม่พร้อมที่จะจบความสัมพันธ์ เลยคาดหวังอยากจะให้เขากลับมาลองปรับความเข้าใจกันใหม่อีกสักตั้ง (ถึงแม้ว่าเขาจะเคยทำแย่กับเราไว้มากมายแค่ไหนก็ตาม)

13 (ภาวะเพิ่งเลิกรา)

LANY

เคยมานั่งสงสัยกันมั้ยว่า สาเหตุที่ทำให้เราเลิกกันคืออะไรนะ ? มันเริ่มแย่ลงตั้งแต่เมื่อไหร่ ? ผิดที่เราหรือผิดที่เขากันแน่ ? สำหรับเพลงนี้น่าจะสื่อได้ดีถึงสภาวะหลังเลิกรากับใครคนนึงไป ความรู้สึกโหวงๆ สับสน เศร้า ปลง เสียใจ ต่างๆ นานา อยู่ดีๆ ก็โผล่ขึ้นมาตีกันไปหมด “Half my clothes are at your house, and I don’t want them back. The smell of you is way too much, not gonna put my heart through that” ท่อนนี้คือโดนใจ เสื้อผ้า ข้าวของ รูปโพลารอยด์ หรือสิ่งของอื่นๆ ที่เป็นตัวแทนความทรงจำของเรา ยังคงอยู่ที่ห้องของเขา มันก็เหมือนเป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่ารักในครั้งนี้มันไม่เวิร์ค การเอาของเหล่านั้นคืนกลับมาก็ยิ่งทำให้ยากต่อการตัดใจ เราเลยเลือกที่จะทิ้งมันไว้ตรงนั้นน่าจะดีที่สุด

Hurts (ภาวะเยียวยาหัวใจ)

LANY

ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ หรือ ยิ่งรักมากก็ยิ่งเจ็บมาก ถูกมั้ยล่ะ ? ” Please tell me why it’s easy at first, But then it all breaks the more you love, the more it hurts” คงต้องเคยคิดกันบ้างแหละว่าทำไมตอนเราชอบหรือตกหลุมรักใครสักคนมันถึงง่ายดายเหมือนปอกกล้วย เพียงแค่ไม่กี่ปัจจัยก็สามารถทำให้เรารู้สึกดีกับเขาได้ง่ายๆ แต่ทำไมพอเลิกรากัน ความเจ็บปวดและความเสียใจที่เกิดขึ้นมันถึงข้ามผ่านไปได้ยากจัง เหมือนกับเพลงนี้ที่สื่อถึงช่วงเวลาของการรีโคเวอร์ตัวเองให้ออกมาจากพื้นที่แห่งความเศร้านั้น ช่วงเวลาที่เราผลักทุกคนที่เป็นห่วงและหวังดีกับเราออกไปโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ช่วงเวลาที่เรารู้สึกไม่มีค่า หรือช่วงเวลาที่เราอยากจะย้อนไปแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดแต่ทำไม่ได้แล้ว เจ็บปวดมากๆ เลยใช่มั้ยล่ะ ?

It Was Love (ภาวะรำลึกถึงความหลัง)

LANY

เชื่อว่าทุกคนต้องมีเพื่อนวัยเด็ก (ที่คิดมากกว่าเพื่อน) สักคนแหละน่า ความรักตอนสมัยวัยรุ่นที่จะเป็นเพื่อนก็เพื่อนไม่สุด จะแฟนก็แฟนไม่สุด แค่รู้สึกว่าเพื่อนคนนี้มันพิเศษกว่าเพื่อนคนอื่นๆ ทั่วไป พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ต่างคนต่างก็แยกย้ายไปมีความสัมพันธ์ใหม่ๆ แต่เราก็ยังยินดีกับความรักของเขาเสมอ ถึงแม้ว่าลึกๆ จะอยากย้อนเวลากลับไปใช้ชีวิตสนุกๆ มีความสุข ไร้สาระกับเขาในตอนนั้น “It was love I know you know that It was us I wish I could go back” เป็นการคิดทบทวนถึงความหลังในตอนนั้น ที่อะไรๆ มันก็ดูลงตัว สนุก มีความสุขไปหมด แต่ทำไงได้ ชีวิตเราก็ต้องเดินหน้าต่อไป เราก็ทำได้เพียงคอยดูเค้าอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ เท่านั้น

จริงๆ นี่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เราได้วิเคราะห์ออกมาให้ได้ลองอ่านกัน เพราะแต่ละคนก็มีเรื่องราว ความคิด ความรู้สึกในแต่ละเพลงแตกต่างกันออกไปอยู่แล้ว ไม่ว่าความรักของทุกคนจะอยู่ในช่วงภาวะไหนก็รับรองว่าจะต้องอินไปกับคอนเสิร์ตนี้ได้แน่นอน ยังไงก็ให้เพลงดีๆ ของพวกเขาช่วยเยียวยาหัวใจเราให้ดีขึ้นละกันเนอะ แล้วเจอกัน 2 เมษายนนี้ ที่ Moonstar Studio : )

Story by Bonus Jinjutha

Illustration by Black Jiracheep

Comments

comments

Author

You only live once